สื่อสารกับลูกค้าอย่างไร เมื่อต้องใส่ Mask

สื่อสารกับลูกค้าอย่างไร เมื่อต้องใส่ Mask

จากช่วง Covid ไม่ได้ออกไปห้างสรรพสินค้านาน ปุ๊ก็ได้ไปใช้บริการร้านอาหารในห้างเป็นครั้งแรก ได้เห็นการบริการแบบ New Normal มากมายทั้งการจัดที่นั่งแบบเว้นระยะห่าง การทำความสะอาดและการบริการที่ปรับเปลี่ยนไปให้สอดคล้องกับยุคนี้

เมื่อมาถึงร้าน พนักงานหน้าร้านก็จัดการวัดอุณหภูมิและส่งเสียงผ่าน Mask งึมงำ พร้อมชี้ไปทางด้านขวา ซึ่งเราก็ไม่ได้ยินว่าเขาพูดอะไร แต่หันไปทางนั้นมีขวดเจลแอลกอฮอล์ตั้งอยู่ เลยเดาว่าสงสัยให้ล้างมือมั้งเลยกดเจลแอลกอฮอล์และยืนรอ พนักงานหันมาและงึมงำแบบเดิมชี้แบบเดิม และหันหน้าไปทางอื่นเราก็งง.. พนักงานคนเดิมหันกลับมาแล้วพูดดังขึ้นว่า“แสกนไทยชนะด้วยค่ะ” อ๋อเป็นงี้นี่เอง

วันนี้ปุ๊จึงมีเทคนิคในการสื่อสารกับลูกค้าอย่างไรเมื่อต้องใส่ Mask มาฝากกันค่ะ

✅ พูดชัดเจนและเสียงดังขึ้น ปกติเราทราบกันดีว่าความดังและความชัดเจนระดับไหนที่จะทำให้ผู้ฟังเข้าใจ แต่เมื่อใส่ Mask เสียงที่ออกมาจะเบาลง และไม่ชัด อีกทั้งผู้ฟังไม่สามารถอ่านปากของผู้พูดได้ ทำให้ไม่เข้าใจสิ่งที่ต้องการสื่อสาร การทำให้เสียงชัดเจนขึ้นทำได้โดยขยับกล้ามเนื้อปากให้มากขึ้น และเปล่งเสียงที่ดังขึ้น อย่าลืมที่จะใช้น้ำเสียงที่อ่อนโยนด้วยนะคะ

✅ สบตามากขึ้น เมื่อเราสื่อสารผ่าน Mask บางครั้งเราก็อาจจะไม่แน่ใจว่าผู้ฟังได้ยินและเข้าใจหรือเปล่า การสบตาลูกค้าจะช่วยให้เราเห็นปฏิกิริยา สีหน้า ว่าลูกค้าเข้าใจสิ่งที่เราได้สื่อสารหรือไม่ เพื่อช่วยอธิบายให้ลูกค้าฟังอีกครั้งได้ค่ะ

✅ ยิ้มมากขึ้น ปกติเราสามารถเห็นรอยยิ้มกันได้ง่ายดายจากริมฝีปาก แต่การใส่ Mask ทำให้เราไม่เห็นรอยยิ้มได้ ผู้ให้บริการบางท่านจึงคิดว่าถึงยิ้มไป ลูกค้าก็ไม่เห็นอยู่ดี ซึ่งจริงๆแล้ว การยิ้มสังเกตได้ชัดเจนจากดวงตา และแก้มที่ยกตัวขึ้นค่ะ นอกจากนั้นเมื่อเราต้องสื่อสารด้วยเสียงที่ดังและชัดเจนยิ่งขึ้น รอยยิ้มจากดวงตาก็จะช่วยทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าคำพูดนั้นยังคงสุภาพและอ่อนโยนค่ะ

ถึงบางสิ่งในการทำงานจะมีรายละเอียดมากขึ้น แต่ก็เชื่อว่าผู้ที่มีหัวใจในการบริการจะสามารถปรับตัวได้ดี เพื่อส่งมอบมิตรไมตรี และสร้างความประทับใจให้ลูกค้าเช่นเคย

ขอส่งกำลังใจผู้ให้บริการแบบ New Normal นะคะ

บทความโดย อาจารย์ฐิตา ภัทรวรวิศิษฏ์ (อ.ปุ๊)

>>ขอโทษอย่างไรให้ลูกค้าหายโกรธ